รันทดใจ! สาวร้องเกิดอุบัติเหตุ ถูกตัดขา 2 ข้าง แต่ประกันชีวิตไม่จ่าย อ้างทำเจ้าอื่นไว้ด้วย
สาวร้อง ถูกตัดขา 2 ข้าง แต่ประกันไม่จ่าย อ้างปิดข้อมูล ทำกับประกันเจ้าอื่นไว้ด้วย ที่ทำหลายเจ้าเพราะต้องการเก็บเงินให้ลูก ถูกมองว่าทำร้ายตัวเอง หวังเงิน
เมื่อวันที่ 5 ก.ค.67 น.ส.โชติกา หรือทิพย์ อายุ 30 ปี พร้อมสามี เดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานี เข้าร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจาก มูลนิธิรณรงค์ท้วงคืนความยุติธรรมในสังคม ถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เนื่องจากน.ส.โชติกาไม่ได้รับความเป็นธรรม จากบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ที่ทำประกันชีวิตไว้ แต่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินเคลมประกันที่เกิดอุบัติเหตุ
หลังพลาดถูกเลื่อยยนต์ตัดที่ขาจนขาด 2 ข้าง ขณะกำลังช่วยกันตัดต้นไม้กับน้องชายในบ้านพัก โดยทางบริษัทประกันอ้าง ผู้เสียหายปกปิดข้อมูล ไม่แจ้งว่าทำประกันกับบริษัทอื่น จึงปฎิเสธไม่จ่ายเงินและยกเลิกกรมธรรม์ของน.ส.โชติกา
น.ส.โชติกา เปิดเผยว่า ตนเป็นเจ้าของร้านนินิมาร์ทขนาดเล็กในจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 24 เม.ย.67 ตนทำประกันชีวิตกับบริษัทแห่งหนึ่ง ผ่านทางโบรกเกอร์ธนาคาร ซึ่งขั้นตอนการทำประกันมีการสอบถามเรื่องอาชีพ ตนแจ้งว่าทำธุรกิจส่วนตัว โดยตกลงเบี้ยประกันปีละ 15,500 บาท
ต่อมาวันที่ 7 พ.ค.67 ตนเกิดอุบัติเหตุหลังไปช่วยน้องตัดต้นไม้ริมรั้วบ้าน แล้วถูกเลื่อยยนต์ที่ใช้ตัดต้นไม้ สะบัดมาโดนขาทำให้ขาขาดทั้ง 2 ข้าง สามีนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษา หลังออกจากโรงพยาบาล ตนจึงแจ้งไปทางบริษัทประกันชีวิตเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 เพื่อขอรับสิทธิ์รายได้ชดเชยในวงเงินการทำประกันชีวิต เป็นเงิน 10 ล้านบาท
หลังจากนั้นในวันที่ 21 มิ.ย.67 ตนก็ได้รับหนังสือจากบริษัทประกันแจ้งกลับมาว่า ขอยกเลิกกรรมธรรม์ที่ทำไว้กับบริษัท โดยหนังสือแจ้งว่า ตนปกปิดข้อมูล โดยไม่แจ้งว่าได้ทำประกันชีวิตกับเจ้าอื่นไว้ด้วย
ตนยอมรับว่าทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทอื่นอีก 3 เจ้า รวมทั้งประกันจากบัตรเอทีเอ็มของ 2 ธนาคาร แต่ตนยังไม่ได้แจ้งไป เพียงแค่แจ้งบริษัทนี้บริษัทเดียว ถ้าเจ้าอื่นเขาเกิดทำตามบริษัทนี้ ตนต้องสูญเงินชดเชยอุบัติเหตุ 29 ล้าน เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนและครอบครัวเสียใจมาก ถูกสังคมมองว่าทำร้ายตัวเอง เพื่อต้องการเงินประกัน
“หนูยืนยันเลยว่า ที่ทำประกันชีวิตหลายเจ้า ก็เพราะต้องการเก็บเงินไว้ให้ลูก ถ้าเกิดหนูเป็นอะไรขึ้นมา ถ้าจะทำแบบนั้น ไม่ทำวงเงินประกันแค่นี้ ต้องทำ100-200 ล้านบาท ทุกวันนี้ทุกข์ใจมาก เคยเดินได้ไปไหนมาไหนได้ ขับรถรับส่งลูกที่โรงเรียน เดินจัดของที่ร้าน แต่ทุกวันนี้ทำอะไรไม่ได้เลย ไปกินข้าวนอกบ้านก็ต้องให้สามีอุ้ม คนมองก็อายเขา บางคนอาจคิดสมเพชว่า เราพิการทำไมไม่อยู่บ้าน
ลูกสาวก็ยังมาถามตนอยู่เลยว่า ขาของแม่หายไปไหน ใครจะอยากเป็นคนพิการ ลงทุนตัดขาตัวเอง เพื่อต้องการเงินประกัน มาลองมาทำดูว่ามันทรมานจิตใจแค่ไหน ทุกวันนี้เป็นคนพิการสมบูรณ์แบบ เพราะเจ้าหน้าที่เขาออกบัตรให้แล้ว” น.ส.โชติกา กล่าว
ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า กรณีที่เราจงใจฉ้อโกงบริษัทประกัน หมายถึงปกปิดข้อเท็จจริง แต่ก็ต้องดูเงื่อนไขของบริษัทประกันด้วย ที่สำคัญบริษัทสามารถตรวจสอบและยกเลิกสัญญาในเวลา 2 สัปดาห์ได้ กรณีเคสนี้เขาทำประกันอุบัติเหตุไว้ทางบริษัทต้องรับผิดชอบ เพราะเขาไม่ได้ทำผิดสัญญา เขาแค่ซื้อประกันหลายเจ้า
ส่วนที่เขาอ้างว่าผู้เสียหายทำประกันชีวิตไว้หลายบริษัทนั้น ตนมองว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ทางกฎหมายเราต้องใช้เวลาต่อสู้กันหลายปี แล้วสุดท้ายผู้บริโภคก็ชนะคดีเกือบทุกราย เพราะว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ว่าเราต้องใช้เวลาต่อสู้นาน ทางคปพ.น่าจะสั่งให้ทางบริษัทประกัน ปฏิบัติตามสัญญาที่ผู้เสียหายทำกรมธรรม์ไว้