News

หนังคนละม้วน! ปวิช อดีสามี หนึ่ง บางปู แฉกลับ ฝ่ายหญิงขอเลิก เรียกทนายมาเขียนเอกสารแบ่งสมบัติ

หนังคนละม้วน! ปวิช อดีสามี หนึ่ง บางปู แฉกลับ ฝ่ายหญิงขอเลิก พร้อมให้เรียกทนายมาเขียนเอกสารแบ่งสมบัติ พอมีปัญหากลับมาหาเรื่องผัวเก่า

จากกรณีก่อนหน้านี่ หนึ่ง บางปู ได้ออกมาไลฟ์แฉอดีตสามี ปวิช ฉิมพาลี ทิ้งหนี้สินไว้ให้ตนใช้คนเดียว ส่วนตัวเองนั้นเอาไปแต่สมบัติ ล่าสุด ผู้สื่อข่าว ข่าวสดบันเทิง ได้ต่อสายตรงถึงอดีตสามีของหนึ่ง บางปู ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

โดย ปวิช อดีตสามีของ หนึ่ง บางปู ได้ระบายความอัดอั้นที่เกิดขึ้น พร้อมเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่แต่งงานกัน จนเลิกลา และกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง แต่เรื่องราวทั้งหมดนั้นหลับไม่เหมือนกับที่ฝ่ายหญิงพูด เหมือนเป็นหนังคนละม้วนทีเดียว ว่า

“เรารู้จักกันเมื่อประมาณปลายปี 58 แล้วเราก็มีลูกด้วยกันคือ น้องมะนาว น้องคลอดตอนปี 59 ช่วงนั้นเขามีปัญหาเรื่องการเงินกับเพื่อน ผมช่วยเขาตามแก้ สุดท้ายเขาก็มีที่สรรพากรเรียกเงินย้อนหลัง 9 ล้านบาท เราก็ช่วยสู้กันไป

ในระหว่างนั้นแม่ของเขาก็กู้เงินมาให้เราสองคนบริหาร 1 ล้าน และใช้หนี้ที่แม่เขาไปกู้เงินธนาคารมาให้ด้วย ใช้เวลา 2-3 ปี จนใช้หนี้หมด และเริ่มมีชื่อเสียง และสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวของเรา

ช่วงต้นปี 64 เขาเริ่มตัดผมสั้น เขาบอกผมว่าต้องเปลี่ยนลุกค์เป็นทอมจะได้ขายของดี แต่พอวันที่ 12 เมย.64 เขาก็เลิกกับผม โดยให้เหตุผลว่าผมมีคนใหม่ที่ อุทัย ซึ่งตอนนั้นผมกลับมาเลี้ยงควาย ทำควายนาคาเฟ่ ที่อุทัย เพราะคิดว่าจะให้เป็นธุรกิจที่ 2 ลองจากบริษัทขายเครื่องสำอางค์ในเพจ ซึ่งเพจมันเคยถูกแฮ็กไป เราก็กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก เราก็คุยกันในครอบครัวแล้ว
จนวันที่ 12 เมย.64 เขาก็หายตัวไปจากบ้าน ผมก็กอดลูกรอว่าเมื่อไหร่เมียจะกลับ จนผมปรึกษากับตำรวจ จนรู้ว่าเขาป่วยไปนอนโรงพยาบาล เป็นไบโพล่าหรือว่าซึมเศร้า เพราะเขาเครียดที่ผมไปมีคนอื่น แต่สำหรับผมคิดว่าไม่ใช่ เขาอยากจะเลิกกับผม

จนเขาเรียกผมมาเขียนข้อตกลงวันที่ 20 พค. 64 มีทนายทั้งสองฝ่าย มีแม่เขาเป็นพยาน เขียนแบ่งทรัพย์สินที่ดี เช่น ที่ดินเขาใหญ่ 2 แห่ง บ้านที่มัฑนา เป็นของเขา ส่วนผมที่ดินที่อุทัย ,ทองผาภูมิ เป็นของผม คือชื่อเดิมตามฉโลดเป็นของใครก็เป็นของนั้น แล้วเขายังเขียนระบุไว้ด้วยว่า ไม่ให้ผมยุ่งเกี่ยวกับบริษัท ให้หลุดพ้นจากการกรรมการบริษัทไปเลย

จากนั้นต่างคนต่างอยู่ บริหารงานของตัวเองไป แต่ระหว่างนั้นเขาก็เอาที่ที่เขาใหญ่ไปขายเพื่อให้หนี้ และขายรถ กู้เงินธนาคาร แต่ไม่ทราบว่าเงินเขาหายไปไหนหมด ระหว่างนั้นอย่าที่ข่าวออกมา เขาก็คบกับผู้หญิง แต่พอรู้ตัวว่าถูกหลอกก็เลิก เขาก็เลยกลับมาแต่งงานแก้เกี้ยวกับผมในปี 65 ผมทำเพื่อลูก สรุปแต่งไปแค่เดือนกว่าเขาเลิกกับผมอีก ตอนนั้นเขาติดโควิดด้วย ผมสองคนพ่อลูกก็ไปเฝ้าเขาที่โรงพยาบาล เขาก็เลิกกับผมโดยไม่มีสาเหตุ

แต่เราก็เป็นเพื่อนกันได้ เขาลูกไปเลี้ยงผมก็ให้ แต่ส่วนใหญ่เป็นผมเลี้ยง จากนั้นเขาก็ไปคบกับทหารตามที่เป็นข่าว แล้วก็คบกับตำรวจด้วย จนต้นปี 66 เขาก็โพสต์ว่าเขาโดนคนในครอบครัวโกง จากนั้นก็กลับมามีปัญหากับเพื่อนของเขาอีก

จนวันที่ 5 มิ.ย. 66 เขาก็ไลน์มาบอกว่าฝากดูลูกด้วยนะ เขามีงานยุ่ง จากนั้นเขาก็หายไปเลย ไม่เคยติดต่อลูกเลย จนอยู่ๆ เขาก็มาฟ้องผมเรื่องแบ่งสมบัติ แบ่งเรื่องการเลี้ยงลูกอีก เรื่องก็เป็นแบบนี้ ผมอยากจะบอกว่าจริงๆ เขาตัดผมไม่ให้เขาไม่ยุ่งกับบริษัทเมื่อปี 64 แล้วคุณไปบริหารจนมันเละเทะ เป็นหนี้สิน แล้วคุณก็กลับมาหาเรื่องผัวเก่าที่มันยังมีที่ดินมีทรัพย์สมบัติที่มันเก็บไว้ให้ลูก มาด่าผมทุกวัน”

เราไม่ได้ทิ้งหนี้สินให้เขาใช้อย่างที่เขาพูด? “ไม่ได้คิดที่จะทิ้งหนี้สิน ตอนที่เขาอยู่กับผม เขากู้เงิน 25 ล้าน เรายังถามว่าให้เราอยู่ใช้หนี้ไหม แต่เขาไม่อยากให้ผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทของเขาเลย

แล้วผมเป็นตำรวจเขายังร้องเรียนว่าผมไม่ทำงาน จนผมโดนตั้งกรรมการสอบสวน ผมไปทำงาน แต่ยอมรับว่ามีการสลับเวร เพราะว่าลูกผมไม่มีใครดู เขาทำกับผมขนาดนี้ ที่ผ่านมาผมทำเพื่อเขาเพื่อครอบครัวตลอด แล้วอยู่ๆ ก็มาบอกว่าผมกีดกันไม่ให้เจอลูก”… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_8211802

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *