บุกตรวจโรงเรียน จ.ตรัง รายชื่อนักเรียนทิพย์โผล่ จ่ายเงินเดือนครูไม่โปร่งใส ซ้ำอาหารไม่ตรงปก
ตรวจสอบโรงเรียน จ.ตรัง พบมีรายชื่อนักเรียนผีไร้ตัวตนโผล่กว่าครึ่งห้อง จ่ายเงินเดือนครูไม่โปร่งใส ซ้ำร้ายเจออาหารกลางวันไม่ตรงปก มีเพียงแค่ผัดถั่วงอก ไร้เนื้อสัตว์
วันที่ 12 ก.ย. 67 นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. จ.ตรัง มอบหมายให้ นายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง พร้อมด้วย หัวหน้ากลุ่มงานตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง เจ้าหน้าที่สำนักงานศึกษาธิการ จ.ตรัง นายอดิศร แก้วเซ่ง รองศึกษาธิการ จ.ตรัง และเครือข่ายภาคประชาชน ชมรมตรังต้านโกง
ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง เป็น 1 ในโรงเรียนเอกชนใน จ.ตรัง ที่ได้รับเงินอุดหนุน สนับสนุนจากภาครัฐ ภายหลังจากพบเบาะแสว่า 1.มีนักเรียนไร้ซึ่งตัวตน แต่มีรายชื่อขอเบิกงบประมาณอุดหนุนจากภาครัฐ 2.การบริหารจัดการการเรียนการสอน 3.การจ่ายเงินเดือนครู ไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงฯ รวมทั้ง 4.อาหารกลางวันไม่เป็นไปตามหลักโภชนาการ
โดยโรงเรียนดังกล่าวเปิดสอนในระดับชั้นอนุบาล ประถมศึกษา และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แบ่งจำนวนนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 31 คน ระดับชั้นประถม 101 คน และระดับชั้นมัธยม 422 คน มีคณะครูทั้งหมด 40 คน ครูที่ได้รับเงินเดือนสนับสนุนจากภาครัฐจำนวน 24 คน และโรงเรียนจัดจ้างเอง 16 คน
จากนั้นได้ลงสุ่มตรวจสอบอาหารกลางวันนักเรียนระดับชั้นอนุบาล หรือปฐมวัย และประถมศึกษาของโรงเรียนรวมแล้วจำนวน 132 คน ที่ทางภาครัฐได้ให้เงินอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวันอยู่ที่หัวหรือรายละ 22 บาทต่อวันนั้น
ตรวจพบว่าเมนูอาหารไม่ตรงไปตามที่โรงเรียนระบุไว้ โดยนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยได้รับเพียงข้าวสวย ผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้และแครอท ไม่มีเนื้อสัตว์ กับขนมอบกรอบไส้ช็อกโกแลตคนละ 1-2 แท่ง
ภายหลังจากนั้นได้มีการสุ่มตรวจภายในห้องเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา เป็นห้องระดับชั้น ม.2/3 มีนักเรียนซึ่งเรียนอยู่เป็นประจำภายในห้องเรียนเป็นหญิงล้วน จำนวน 15 คน ขาดลา 3 คน แต่กลับพบว่ารายชื่อของนักเรียนทั้งหมดห้องดังกล่าวที่มีการส่งชื่อของบอุดหนุนจากภาครัฐจริงมีจำนวนถึง 30 คน
ส่วนห้องเรียนระดับชั้น ม.2/2 มีนักเรียนที่เรียนอยู่เป็นประจำจำนวน 13 คน แต่มีรายชื่อในระบบจริงจำนวน 31 คน และระดับชั้น ม.1/2 มีนักเรียนเรียนจริงอยู่จำนวน 14 คน แต่ในรายชื่อกลับมีถึง 31 คน ซึ่งรวมๆแล้วในแต่ละห้องแล้วมีนักเรียนที่มีรายชื่อ แต่ไม่ได้เรียนในโรงเรียนหายไปจำนวนกว่าครึ่งห้องเรียน
โดยเจ้าหน้าที่พยายามขานชื่อและให้นักเรียนยกมือหากปรากฏชื่อตัวเอง ส่วนที่มีรายชื่อแต่ไม่มีตัวตนนั้น นักเรียนที่เรียนประจำอยู่ภายในห้องเรียน บอกว่า ไม่เคยพบเจอ ไม่ทราบชื่อ ไม่รู้จัก หรือเห็นหน้านักเรียนเหล่านั้นมาก่อน
ทางโรงเรียนฯ อ้างเหตุผลว่านักเรียนที่มีชื่อแต่ไม่อยู่ในห้องเรียนนั้น ได้ไปเรียน “ฮาฟิร” ซึ่งเป็นการเรียนการสอนของศาสนาอิสลาม เช่นการท่องจำคัมภีร์อัลกุรอาน รวมทั้งโรงเรียนจำนวนประมาณ 150 คน ที่ สถาบันพื้นที่ ต.ปะเหลียน ตั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์จะมาเรียนสายสามัญที่โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนยังอ้างเหตุผลว่าเป็นเจตนารมณ์ของผู้ปกครองนักเรียนเอง
ต่อทางเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง และเจ้าหน้าที่ สำนักงานศึกษาธิการ จ.ตรัง ได้เดินทางไปตรวจสอบตามที่โรงเรียนอ้างเหตุผลว่าได้ส่งนักเรียนไปเรียน “ฮาฟิร” ที่สถานที่ดังกล่าวซึ่งระยะทางห่างกับโรงเรียนไปกว่าประมาณ 40 กิโลเมตร ก่อนจะพบว่าสถานที่ดังกล่าวถูกปลูกสร้างอยู่ติดกับมัสยิด ลักษณะเป็นคล้าย ๆ ห้องแถวถูกปลูกติดกันจำนวนหลายห้อง มีทั้งห้องพักนักเรียน ครู ห้องเรียน ห้องโถง สนามหญ้า ลานกิจกรรม
เบื้องต้นจากการสอบถามผู้ที่ระบุว่าตนเองเป็นครูผู้สอนศาสนาอิสลามในสถานที่ดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า ครูใหญ่ของที่นี่ได้ไปแสวงบุญที่ต่างประเทศ นักเรียนที่มาเรียนที่นี่ ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด ส่วนหนึ่งมาจากโรงเรียนแสงธรรมวิทยาตรังมูลนิธิ เป็นผู้ส่งมา เมื่อสอบถามว่าการเปิดสถานที่แห่งนี้มีการรับรองจากหน่วยงานใด การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นอย่างไร
แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ขณะเดียวกันยังพบว่าทางสถานที่แห่งนี้ไม่ได้รายชื่อ สกุลจริงของนักเรียน มีเพียงแค่เลขประจำตัว และชื่อเล่นอิสลามเท่านั้น และยังไม่พบหลักฐานเอกสารการส่งตัวจากทางโรงเรียนแสงธรรมวิทยาตรังมูลนิธิมาด้วยแต่อย่างได
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้มีการสุ่มเรียกรายชื่อนักเรียน พบว่าประมาณ 90-100 คน บางส่วนมีชื่อตรงกับทางโรงเรียน บางส่วนอ้างว่ากลับบ้านไปแล้ว และบางส่วนก็กลับไม่มีตัวตนอยู่จริงทั้งสองสถานที่
นายอดิศร รองศึกษาธิการ จ.ตรัง กล่าวว่า ผลที่เราพบเจอก็คิดว่านักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนมีบางส่วนที่มาเรียนกับศูนย์การเรียนข้างนอก ก็คิดว่าโรงเรียนในระบบจริงๆ แล้ว ก็สามารถที่จะเปิดการเรียนการสอนได้ 3 ระบบ ด้วยกัน 1.ในระบบโรงเรียน 2. นอกระบบโรงเรียน 3.ตามอัธยาศัย คิดว่านักเรียนบางส่วนที่มาเรียนอยู่ที่ศูนย์การศึกษาที่ อ.ปะเหลียน ก็น่าจะเป็นการเรียนนอกระบบ โดยเฉพาะในเรื่องของศาสนา
ตนมองว่าจริง ๆ ถ้าโรงเรียนขอระบบทำการสอนในระบบโรงเรียนอย่างเดียวได้หรือไม่ ตอบว่าไม่ได้ จริงๆ แล้วเด็กต้องอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น เผอิญว่าโรงเรียนเขาสอนแบบควบคู่สอนศาสนาอิสลามคู่กับสายสามัญก็มีบางส่วนที่เขาจะเรียนข้างนอกได้ เขาเรียนแบบตามอัธยาศัย
ซึ่งข้อกฎหมายดังกล่าวจะไปดูรายละเอียดอีกรอบว่าจะได้หรือไม่ การที่อ้างว่าเป็นความประสงค์ของผู้ปกครอง จริงๆแล้วไม่สามารถอ้างได้ การอ้างได้ต้องอ้างด้วยข้อกฎหมายเท่านั้น
ขณะที่ นายยุทธนา กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนเอกชนที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ ก็ปรากฏในเรื่องของอาหารกลางวัน ในเรื่องปริมาณและคุณภาพเพราะว่าเด็กอนุบาลได้รับการจัดสรรงบประมาณหัวละ 22 บาท
ซึ่งดูเบื้องต้นน่าจะไม่คุ้มค่าตามหลักโภชนาการ ก็ต้องให้ทางศึกษาธิการจังหวัด ที่เป็นผู้จ่ายเงินอุดหนุนต้องตรวจสอบต่อไป ส่วนเรื่องของจำนวนนักเรียนจากการตรวจสอบเบื้องต้น ก็ไม่ปรากฏชื่อนักเรียนที่อยู่ในห้องของโรงเรียน
ซึ่งทางโรงเรียนได้ให้ข้อมูลว่าได้ส่งเด็กนักเรียนมาเรียนโรงเรียนศาสนา แต่ตามระเบียบแล้วเด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนก็ต้องเรียนทุกวันที่โรงเรียนเอกชน ที่รับเงินอุดหนุน ไม่สามารถที่จะส่งไปเรียนที่อื่นได้ ซึ่งพอมาสุ่มตรวจที่โรงเรียนสอนศาสนาก็พบว่ามีบางรายที่ไม่ปรากฏชื่ออยู่ในโรงเรียน
เดี๋ยวทางศึกษาธิการต้องไปตรวจสอบต่อไปอีกครั้ง เงินอุดหนุนเป็นเงินของรัฐ ทางศึกษาธิการก็ต้องตรวจสอบว่าอุดหนุนต่างๆ ไปเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่อย่างไร
รวมทั้งรายบุคคลที่รับเงินอุดหนุนเงินเดือนของครูที่เขาชี้แจงมาว่ามีการจ่ายเงินเดือนครูเป็นเงินสด ซึ่งตามระเบียบต้องจ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคาร ไม่สามารถที่จะจ่ายเป็นเงินสดได้ หากไม่ดำเนินการ ปรากฏว่ามีการเบิกเท็จมีหัวไม่ตรงกับรายชื่อจำนวนต่างๆ ก็ต้องมีการเรียกเงินคืนหรือดำเนินการทางอาญา
ด้าน ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า ประเด็นที่ 1. กรณีมีรายชื่อเด็กนักเรียน แต่ไม่ปรากฏตัวตนนั้น ตามปกตินักเรียนอยู่กันครบ และนักเรียนไปเรียนวิชาศาสนาไปเข้าคอร์สเหมือนกับเราไปเรียนสารพัดช่างหรือการอาชีพ
แต่ทางโรงเรียนให้เรียนชดเชย เสาร์-อาทิตย์ เพื่อให้เวลาได้ครบและได้สอบได้เป็นนักเรียนปกติ แต่นักเรียนอยู่ปกติที่นี่ ซึ่งเด็กนักเรียนมาอยู่ที่นี่ประจำ แต่ไม่ได้เรียนร่วมกับเพื่อนร่วมชั้น คนที่ไปเรียนศาสนาจะมาเรียนอีกห้อง เฉพาะพวกที่ไปไม่ได้เกี่ยวข้องกับเพื่อนร่วมชั้น และครูที่สอนนักเรียนเหล่านี้เป็นครูต่างหาก
ส่วนรายชื่อนักเรียนที่มีไม่ใช่นักเรียนทิพย์มีตัวตนจริงๆ วันไหนที่เด็กไม่ไปเรียนจะอยู่ครบ ส่วนเด็กที่มีรายชื่อเรียนจริง ๆ ที่โรงเรียนตอนแรกเขาก็มาสมัครเรียนที่โรงเรียนอยู่ปกติ แต่มีช่วงหนึ่งที่ผู้ปกครองเขาต้องการให้ลูกได้ศาสนาเยอะ เลยส่งไปเรียนคอร์สพิเศษ อยากให้สบายใจว่า โรงเรียนจะโปร่งใสทุกอย่าง
หากบกพร่องส่วนไหนพร้อมยินดีแก้ไข ส่วนประเด็นโครงการอาหารกลางวัน ตรงนี้ปกติ ไม่ได้แก้ตัววันอื่นที่ไปดูมันมีพร้อมตามนั้น วันนี้ตนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ชี้แจงตามหัวหน้าที่รับผิดชอบ แต่วันนี้ยอมรับว่าเมนูของอาหารไม่ตรงจริงๆ ทั้งนี้จะปรับปรุงแก้ไขและจะลงไปดูเอง พร้อมที่จะปรับปรุงตรงนี้