เกิดมาเพิ่งเคยเจอ โคลนสูงมิดหลังคาบ้าน ช็อกซ้ำเจอศพอยู่ใต้โคลน หลังน้ำท่วมเชียงรายลด อนาคตทางภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ต้องวางแผนนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อก @ernarit โพสต์คลิปเหตุการณ์ โคลนสูงท่วมเกือบมิดหลังคาบ้าน ในพื้นที่ชุมชนวัดถ้ำผาจม หมู่ 1 อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมีสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติประเทศไทย D.R.A.T เข้าไปให้ความช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 15 ก.ย.67 นายอัศวิน โรมประเสริฐ นายกกิติมาศักดิ์ สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ DRA เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ระบุว่า ตนและหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือน้ำท่วมในพื้นที่ จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงบริเวณชุมชนวัดถ้ำผาจม หมู่ 1 เป็นพื้นที่ที่หนักที่สุดในพื้นที่ทั้งหมดของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้นน้ำ รวมถึงมีข้อจำกัดที่ส่งผลให้การช่วยเหลือเกิดความล่าช้า ทั้งกระแสน้ำที่เชี่ยวมาก เป็นอุปสรรคในการเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ เจ็ตสกี เรือ เชือก แม้กระทั่งโดรน ก็ไม่สามารถบินเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวได้

ต่อมาเวลาประมาณ 13.30 วันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังจากน้ำเริ่มลดลงแล้ว ตนถึงจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้ และเจอกับโคลนที่สูงขึ้นไปเกือบมิดหลังคาบ้าน โดยชั้น 1 ของบ้านนั้น จมหายไปหมดเลย ซึ่งเกิดมาก็เพิ่งเคยเจอโคลนที่ทับถมสูงขนาดนี้ ลักษณะเป็นโคลนกึ่งๆ ทราย ที่พัดมากับฝั่งพม่า ไหลมากับน้ำ ด้วยปริมาณโคลนที่มากกว่าน้ำ ทำให้กองเป็นเนินภูเขาสูง ถมทุกอย่างที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตอยู่ข้างล่างโคลนเกือบทั้งหมด

นายอัศวิน กล่าวว่า บางจุดหนักถึงขั้นที่โคลนเข้าไปในตัวบ้าน ต้องรีบทยอยตักโคลนทรายออกไป โดยระหว่างที่ตักโคลนขึ้นมาก็พบศพคน สัตว์ สิ่งมีชีวิต รวมถึงเตียงนอน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังจมอยู่ใต้โคลนหมด ต้องขุดดินลงไป โคลนก็ลึกจนเดินไม่ได้ เดินไปก็จม ปล่อยแห้งก็แข็งตัวอีก

นายอัศวิน กล่าวว่า ตนมีโอกาสทำหน้าที่ช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติมาหลายพื้นที่ มาเห็นพื้นที่ตรงนี้แล้วก็ยังรู้สึสกหดหู่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าของบ้าน รวมถึงคนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นหนักใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ภาครัฐควรจะต้องเข้าไปเยียวยาให้ความช่วยเหลือ รวมถึงเยียวยาด้านสภาพจิตใจจากการสูญเสียค่อนข้างเยอะ

“พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่รอยต่อเส้นเขตแดนไทยพม่า เห็นได้เลยว่าธรรมชาติไม่ได้เลือกข้าง ภัยธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่ไหนก็แล้วแต่ ล้วนเสียหายทั้งหมดในมุมกว้าง ทั้ง 2 ฝั่งได้รับผลกระทบเสียหายพอกัน”

นายอัศวิน กล่าวอีกว่า น้ำป่านั้นจะค่อนข้างร้ายแรงกว่าน้ำท่วม เพราะมากับโคลน เราควรตระหนักถึงการช่วงหลังๆ มานี้ ธรรมชาติมีภัยพิบัติใหญ่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะน้ำท่วม จ.น่าน จ.แพร่ หนักที่สุดในรอบ 100 ปี รวมถึง อ.แม่สาย ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเจอถี่ขนาดนี้ แสดงว่าภูมิประเทศของเรามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

อนาคตทางภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ต้องวางแผนนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ด้านสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ DRA จะมีการนำโดรนขนของติดกล้องเรดาร์ เพื่อทำดิจิทัลทวินของเมือง ทำซิมูเลชั่น เข้าโปรแกรมประเมิน วิเคราะห์สถานการณ์ กรณีฝนตกว่าจะมีปริมานน้ำเท่าไหร่ เล็งเห็นถึงพื้นที่ขวางทางน้ำในปัจจุบัน ว่าต้องแก้ไขอย่างไร เพื่อประเมินความเสี่ยงในอนาคต เพื่อทำให้เกิดความสูญเสียน้อยลง ปัจจุบันภัยพิบัติรุนแรงมากขึ้นจากเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น ใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น เราก็ควรใช้เทคโนโลยีในการเข้ามาฟื้นฟู พัฒนาธรรมชาติไปด้วยกัน