คดีกระหน่ำยิง ‘เสี่ยรับเหมา’ แค่เจ็บรอดตายปาฏิหาริย์ ผ่านมา 6 วัน ชาวบ้านพายเรือเจอกระเป๋าไรเดอร์ ทิ้งลอยลำห้วย ขณะที่หมวกกันน็อก ถูกหยิบฉวยเอาไปตำรวจวอนนำกลับมาคืน ส่งตรวจพิสูจน์คดี

จากกรณีมือปืนดักประกบยิง นายสิทธิกร อายุ 43 ปี เสี่ยรับเหมาก่อสร้าง ขณะจอดรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 3 สีขาว บริเวณประตูทางเข้าบ้านพัก ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง ขณะภรรยาลงจากรถไปเปิดประตูรั้ว กระสุนเข้าแขนขวา 1 นัดได้รับบาดเจ็บ เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายสวมรอยเป็นไรเดอร์หลบหนีไป

ล่าสุดคดีนี้ เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 26 ก.ย.2567 พ.ต.ท.วสันต์ บรรลือพืช สวป.สภ.เมืองตรัง รับแจ้งจากกระเป๋าใส่อาหารของไรเดอร์และรองเท้า ถูกนำมาทิ้งลอยอยู่ในลำห้วย หมู่ 4 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งสงสัยว่าอาจจะเชื่อมโยงกับคดีกระหน่ำยิง เสี่ยรับเหมา จึงประสาน พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง นำกำลังชุดสืบสวน แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองตรัง และกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง


เมื่อไปถึงพบในลำห้วย ติดกับถนน สองข้างเป็นสวนปาล์มน้ำมัน และสวนยางพารา ไม่มีบ้านเรือนผู้คน มีกระเป๋าใส่อาหารของไรเดอร์สีชมพู ลอยอยู่พร้อมรองเท้าผ้าใบสีเทา 1 ข้าง เจ้าหน้าที่ลงไปนำขึ้นมาตรวจสอบภายในมีหน้ากากอนามัย สีดำ 1 ชิ้น จึงเก็บทั้งหมดนำส่งพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด

นายวิรัตน์ รักนาย ส.อบจ.ตรัง ระบุ ชาวบ้านพายเรือมาพบเจอ มีทั้ง หมวกกันน็อกเต็มใบ กระเป๋าไรเดอร์ รองเท้า 1 คู่ จึงเอะใจคิดว่าน่าจะมีไรเดอร์ประสบอุบัติเหตุขับรถตกลงลำห้วย จึงไปแจ้งผู้นำชุมชนก่อนสงสัยว่าอาจจะเชื่อมโยงกับคดีกระหน่ำยิง เสี่ยรับเหมา เลยรีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

” เมื่อมาถึงกลับพบว่า หลงเหลืออยู่เพียงแค่ กระเป๋าและรองเท้า 1 ข้าง ส่วนหมวกกันน็อกคาดว่าคงมีชาวบ้านที่ไม่รู้หยิบฉวยไป ฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่นำเอาหมวกไปนำกลับมามอบให้เจ้าหน้าที่เนื่องจากเป็นของกลางในคดี ”

ขณะที่แนวทางการสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ามือปืนวางแผนมาอย่างดี มาดักซุ่มดูลาดเลาอยู่ก่อนจะเกิดเหตุช่วงเย็น โดยสวมรอยเป็นไรเดอร์เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น และเป็นมือปืนที่ผ่านการใช้อาวุธปืนมาในระดับหนึ่ง และอาจเป็นการจ้างวานฆ่า

ส่วนการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องเบื้องต้นยังไม่เป็นประโยชน์กับคดีเท่าที่ควร มูลเหตุสันนิษฐานอาจมาจากขัดแย้งกันในธุรกิจที่ผู้บาดเจ็บดำเนินการอยู่ ซึ่งยังอยู่ระหว่างสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป