รวบแก๊งตุ๋น “หุ้นอมตะ” อ้างตัวเป็นโบรกเกอร์ ปลอมเพจชวนลงทุน
ตำรวจไซเบอร์ “ปฏิบัติการยุบวงจรหลอกลงทุนกลุ่มอมตะ เฟส 2” จับกุมผู้ต้องหา 10 ราย เปิดเพจปลอม 73 เพจ อ้างเป็นโบรกเกอร์ตุ๋นผู้เสียหายกว่า 200 คน ชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง สูญเงิน กว่า 66 ล้านบาท ขณะที่ผู้บริหารกลุ่มอมตะเผยบริษัทขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น นักลงทุนควรสอบถามข้อมูลให้ชัดเจน
ตำรวจไซเบอร์กวาดล้างแก๊งตุ๋นกลุ่มอมตะ เฟส 2 เปิดเผยเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 5 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 นายวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจอมตะ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาตามยุทธการ “ปฏิบัติการยุบวงจรหลอกลงทุนกลุ่มอมตะ เฟส 2” จับกุมผู้ต้องหา 10 ราย ความเสียหายกว่า 66 ล้านบาท
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวนเปิดปฏิบัติการทลายขบวนการหลอกลงทุนกลุ่มอมตะ จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย จาก 11 ราย อีกทั้งประสานทางเฟซบุ๊กปิดกั้นเพจปลอมทั้งหมดไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ต่อมายังพบว่ามีมิจฉาชีพสร้างเพจปลอมเพิ่มขึ้นอีก 73 เพจปลอม มีผู้ที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อเข้าไป
ร่วมลงทุนอีกจำนวนมาก มีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความเพิ่มมากจากเดิมจำนวน 203 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 66 ล้านบาท ตำรวจไซเบอร์สืบสวนออกหมายจับ 19 หมาย จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม 10 ราย มีความเชื่อมโยงในการกระทำความผิดในรูปแบบเดียวกันหลายคดี ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือตำรวจเร่งติดตามตัวและขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิดแล้ว
พล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าวอีกว่า วิธีการมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มเทรดหุ้นของกลุ่มอมตะมีพฤติกรรมแอดไลน์อ้างตัวเป็นโบรกเกอร์ใช้ชื่อไลน์แตกต่างกันไป อาทิ amata4978, amata service7891, service worker, Amata2788, Inmot_88 เป็นต้น เข้ามาคุยกับผู้เสียหายเรื่องการลงทุนระยะสั้น จากนั้นแจ้งผลกำไร แล้วแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อจ่ายภาษีจากผลกำไรโอนเงินผ่านบัญชีม้า มิจฉาชีพจะใช้รูปโฆษณาในเพจเฟซบุ๊กเพื่อชักชวนให้ลงทุนกับกองทุนอมตะ มีภาพนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน ทำให้ดูน่าเชื่อถือและหลงเชื่อว่ามีผลตอบแทนที่ดี ติดต่อไปยังแอดมินเฟซบุ๊กของมิจฉาชีพ และแอดไลน์พูดคุยเชิญชวนให้เปิดพอร์ตแบบระยะสั้น โอนเงินครั้งแรกจำนวนน้อยๆก่อน และให้เทรดจำนวนหลายครั้งโอนเงินเพิ่มเติมถึงหลักแสนบาท จากนั้นจะแสดงผลกำไรและแจ้งกลับมาให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ เมื่อผู้เสียหายขอปิดบัญชีเพื่อเบิกเงินออก มิจฉาชีพจะแจ้งว่าต้องเสียค่าภาษี ค่าธรรมเนียมต่างๆ เป็นเงินหลักแสนอีก เมื่อผู้เสียหายไม่โอนเงินมิจฉาชีพจะตัดการติดต่อทันที
“ขอเตือนนักลงทุนให้ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน เนื่องจากพบว่าคนร้ายปั๊มยอดและผู้ถูกใจให้สูงใกล้เคียงเพจจริงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ปัจจุบันเฟซบุ๊กอัปซอฟต์แวร์โดยมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าด้านหลังชื่อบัญชี เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ติดตามบัญชีว่าเจ้าของบัญชีมีตัวตน ไม่ใช่มิจฉาชีพ ในส่วนของผู้ที่ร่วมขบวนการกระทำผิดตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างการขยายผลติดตามจับกุมผู้กระทำผิดในส่วนที่เหลือ” พล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 เปิดเผยว่า นอกจากบริษัทเครืออมตะที่ถูกอ้างชื่อแล้ว ยังพบว่ามิจฉาชีพหลอกเหยื่อในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนบริษัท อาทิ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวล ลอปเมนท์ จำกัด (Gulf), ไทยกรุ๊ป และบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อยู่ระหว่างสืบสวนจับกุมขบวนการ อีกทั้งจากแนวทางสืบสวนพบว่าขบวนการนี้ เมื่อหลอกเงินเหยื่อจะนำเงินไปแปลงเข้าสู่คริปโตเคอร์เรนซี
ด้านนายวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจอมตะ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทอมตะ มีนโยบายการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น คนที่ขายต้องเป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายและได้รับการรับรองโดยตลาดหลักทรัพย์ และผลตอบแทนไม่ได้สูงเท่ากับที่กลุ่มมิจฉาชีพโฆษณา กรณีที่เกิดขึ้นทางบริษัทเสียหายด้วยเช่นกันและไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมฝากถึงนักลงทุนว่าหากจะลงทุนผ่านบริษัทใดให้ติดต่อไปยังบริษัทนั้นโดยตรง เพื่อสอบถามก่อนและตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน