ชายวัย 33 หลอนยา เมาเหล้าเถื่อน เผาบ้านตัวเอง ลั่นที่นอนเยอะแยะ นอนไหนก็ได้ แม่ไม่คิดเสียดายลูก อยากให้โดนคดีนานๆ เผยประวัติสุดกร่าง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ต.ค.2567 พ.ต.ท.หญิง วรี สร้อยสง่า สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งมีคนเมาคลุ้มคลั่งจุดไฟเผาบ้าน บริเวณชุมชน 8 ซอยทองเพชร บ้านหนองหมื่น เขตเทศบาลเมืองเขาสามยอด อำเภอเมืองลพบุรี

ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม ร.ต.ท.ชนินทร์ จันทรวิมล รองสารวัตรป้องกับปราบปราม สภ.เมืองลพบุรี และกำลังสายตรวจอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมแจ้งขอสนับสนุนรถน้ำดับเพลิงพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองเขาสามยอด ใกล้เคียงเพื่อสกัดเพลิง

จุดเกิดเหตุอยู่กลางซอยเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ไม่มีเลขที่ ซึ่งรถน้ำดับเพลิง3 คัน สกัดเพลิงไม่ให้ลุกลาม โดยบ้านต้นเพลิงถูกไฟไหม้วอดหมดไปทั้งหลังเหลือแต่เสาบ้าน พบ นายธีรยศ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เจ้าของบ้าน เดินวนเวียนไปมา โดยชาวบ้านชี้ว่าเป็นผู้วางเพลิง ในมือถือขวดเหล้าเถื่อนกลิ่นคลุ้ง อยู่ในอาการกระวนกระวาย พูดจาวกไปวนมา โดยบอกว่าตนเองเป็นคนจุดไฟเผาบ้านเอง เพราะเบื่อบ้าน อยากนอนนอกบ้านบ้างมีที่นอนเยอะแยะ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อเห็นว่านายธีรยศ มีท่าทีสงบลง หลังจากเดินตามมานาน พยายามจะควบคุมตัว แต่นายธีรยศ แสดงท่าทีขัดขืนไม่ยอมให้ตำรวจจับ ต่อรองขอกินข้าวก่อน และขอสูบบุหรี่สักมวน แต่ตำรวจให้เวลามามากแล้ว ไม่เล่นด้วย

ทำให้นายธีรยศ ไม่พอใจถึงกับเดินหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงล้อมตัวเอาไว้ก่อนตัดสินใจเข้าจับกุม ในขณะที่ผู้ก่อเหตุยังพยายามขัดขืนจนในที่สุดก็สามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ นำตัวไปนั่งสงบติอารมณ์ท้ายรถตำรวจ ก่อนที่จะด่าตำรวจยับด้วยคำหยาบคาย

นางจำปี อายุ 65 ปี แม่ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ลูกชายชอบดื่นเหล้าจนเมามีเรื่องทะเลาะวิวาทจนต้องติดคุกในคดีทำร้ายร่างกาย คดีพกพาอาวุธปืน หลังพ้นโทษออกจากคุกก็มาคบเพื่อนกลุ่มเสพยาบ้าในหมู่บ้าน จนติดทั้งเหล้าทั้งยาบ้า

บางวันกินเหล้าเสพยาจนเกิดอาการคุ้มคลั่ง หลอน ตะโกนด่าทอเสียงดังลั่นทั่วทั้งซอย ประกาศเผาบ้านตนเอง ขู่จะเผาบ้านญาติพี่น้อง จนย่านนี้หวาดกลัวกันไปหมด อยากให้เอาตัวไปบำบัดหรือดำเนินคดีให้นานๆ ไม่คิดเสียดาย เดชะบุญว่าไม่ไปเผาบ้านผู้อื่น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาดำเนินคดีเสพยาเสพให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า โดยผิดกฎหมาย ส่วนคดีวางเพลิงเผาบ้านนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบซึ่งสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเดิมในภายหลัง