หนุ่มแจ้งความดิไอคอน พ่อลงเชื่อลงทุนหมดตัว ไม่มีเงินส่งลูกเรียน ก่อนจบชีวิตในวัด ญาติหลายคนก็ไปลงทุนด้วย เมื่อบอสพอลโดนจับ เลยมาขอแจ้งความเอาผิด

จากกรณีผู้เสียหาย ดิไอคอน บริษัทขายตรงที่กำลังเป็นข่าว แห่แจ้งจับผู้บริหาร ฐานฉ้อโกงประชาชน โดยมีผู้เสียหายทยอยแจ้งความในหลายจังหวัดทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 19 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย นายพงษ์อายุ 23 ปี บุตรชายของหนึ่งในผู้เสียหายจากบริษัทดังกล่าว นำหลักฐานเดินทางมาพบ พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ เพื่อร้องทุกข์

นายพงษ์ กล่าวว่า พ่ออายุ 56 ปี นำเอาเงินเก็บไปลงทุนในธุรกิจดิไอคอน โดยมีภาพหลักฐานการไปร่วมทำกิจกรรม และยังมีภาพถ่ายคู่กับบอสพอลอีกด้วย หลังจากพ่อเข้าไปลงทุนกับบริษัทดังกล่าวเมื่อปี 2560 ได้มาชักชวนแม่และญาติพี่น้องให้ร่วมลงทุน และลงทุนเพิ่มเรื่อยๆ จากที่เคยมีเงินเก็บ มีบ้าน มีรถยนต์ 3 คัน ทุกอย่างสูญไปกับการลงทุนของพ่อ พ่อสูญเงินไปในการลงทุนกับบริษัทดังกล่าว 3.5 ล้านบาท

หนุ่มแจ้งความดิไอคอน พ่อลงเชื่อลงทุนหมดตัว ไม่มีเงินส่งลูกเรียน ก่อนจบชีวิตในวัด

หนุ่มแจ้งความดิไอคอน พ่อลงเชื่อลงทุนหมดตัว ไม่มีเงินส่งลูกเรียน ก่อนจบชีวิตในวัด

“มาระยะหลังพ่อกับแม่ทะเลาะกันเรื่องที่ไปลงทุนดังกล่าว จนครอบครัวมีปัญหาการเงิน ผมและน้องสาวเลยไม่ได้เรียนต่อ สุดท้ายแม่ขอหย่ากับพ่อ พ่อก็ไปอาศัยอยู่ที่วัดใกล้บ้าน สุดท้ายจะคิดสั้นในวัด เมื่อช่วงเดือน เม.ย.2563”

นางพงษ์ กล่าวว่า ตอนนั้นตนยังเด็ก ไม่รู้ว่าพ่อไปทำธุรกิจอะไร จนนำมาสู่ปัญหาชีวิต และแม่ไม่เคยเล่าปัญหาให้ฟัง เพราะตอนนั้นแม่อยากให้พวกเราตั้งใจเรียนหนังสือ กระทั่งไม่นานมานี้มีการนำเสนอข่าวดิไอคอน ตนเลยจำได้ว่าเคยเห็นภาพของพ่อตอนไปร่วมกิจกรรม และมีภาพตอนพ่อถ่ายรูปร่วมกับบอสพอล เลยคิดว่าการเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าว อาจเป็นชนวนเหตุพาไปสู่ปัญหาชีวิต เพราะปัญหาอย่างอื่นคงไม่ทำให้พ่อคิดสั้นแบบนี้ จึงรวบรวมหลักฐานมาแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กล่าวว่า จากคำสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ต้องการให้ทุกโรงพักเปิดจุดรับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีเกี่ยวกับดิไอคอน ซึ่งในส่วนของ สภ.บ้านดู่ มีผู้เสียหายทยอยมาแจ้งความเรื่อยๆ โดยมีทั้งคนที่เข้ามาแจ้งความด้วยตนเอง 7 ราย และคนที่แจ้งความผ่านระบบออนไลน์ 3 ราย รวมแล้วตอนนี้มีทั้งหมด 10 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 4.2 ล้านบาท แต่ในภาพรวมทั้งจังหวัดมีผู้เสียหายรวม 62 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 18 ล้านบาท