ว.วชิรเมธี งานเข้า กรมป่าไม้ รุดสอบ ไร่เชิญตะวัน บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ
ว.วชิรเมธี งานเข้าไม่หยุด กรมป่าไม้ รุดสอบ ไร่เชิญตะวัน บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อธิบดี สั่งตรวจสอบ 21 ต.ค.นี้ หากผิดจริงเตรียมแจ้งความเอาผิด
หลังถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณี พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ที่ไปแสดงธรรมให้กับกลุ่มผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป
ต่อมามีรายงานว่า อาณาจักรศูนย์วิปัสสนาสากล ไร่เชิญตะวัน ก่อตั้งโดย ว.วชิรเมธี ตั้งอยู่ ที่ ต.ห้วยสัก อ.เมือง จ.เชียงราย บนเนื้อที่ 190 ไร่ นั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยปุย
แต่เบื้องต้นตรวจสอบพบว่า สำนักพุทธศาสนา เป็นผู้ขออนุญาตให้ ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) พ.ศ.2562 ที่ให้หน่วยงานราชการที่มีพื้นที่อยู่ในป่าสงวนแห่งชาติ ยื่นคำร้องขอก่อสร้างต่อกรมป่าไม้ นั้น
วันที่ 19 ต.ค.2567 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และอดีตหัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร ให้สัมภาษณ์ว่า มติครม.ดังกล่าวมีหน่วยงานราชการยื่นขออนุญาตเพื่อสร้างสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศประมาณ 1 แสนคำขอ และหลายพื้นที่ ยื่นไปแล้ว ยังไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการก็ก่อสร้างไปก่อน หรือ หลายพื้นที่ ยื่นไปแล้วก็จริง แต่ก่อสร้างเกินกว่าพื้นที่ ที่ได้รับอนุญาต
“กรณีของศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน เป็นกรณีเดียวกับ พระใหญ่ บนเขานาคเกิด ที่สร้างในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต และมีฝนตกดินโคลนถล่ม จนมีผู้เสียชีวิตไป 13 คน ก็อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากกรมป่าไม้ และมีการก่อสร้างนอกเหนือพื้นที่ ที่ขออนุญาตเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการขออนุญาตก่อสร้างอย่างถูกต้องก็จริง แต่สำหรับวัดหรือสถานวิปัสนา ที่อยู่ในป่า ควรสร้างแบบสมถะ ไม่ใช่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายและมีเนื้อที่มากเกือบ 200 ไร่ แบบนี้ถือว่า ไม่เหมาะสม เรื่องนี้ทางกรมป่าไม้ต้องออกมาตอบคำถาม ว่า หากอนุญาต อนุญาตได้อย่างไร”นายชีวะภาพ กล่าว
ด้าน นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ให้สัมภาษณ์ว่า ทางมูลนิธิวิมุตตยาลัย ได้ขออนุญาตก่อสร้าง 113 ไร่ และ สำนักพุทศาสนา ขอใช้อีก 30 ไร่ รวมเป็นพื้นที่ 143 ไร่ แต่เมื่อมีการใช้พื้นที่จริง ไป 190 ไร่ ถือว่า พื้นที่เกินจากการขออนุญาตไปเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 47 ไร่ อย่างไรก็ตาม หากเป็นเช่นนี้ ตนจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ จ.เชียงราย เข้าไปตรวจสอบอีกครั้งในวันที่ 21 ต.ค.นี้
หากตรวจสอบรังวัดแล้วพบว่า ใช้พื้นที่เกินอนุญาตจริงและพื้นที่ ที่เกินมานั้นอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน ก็ให้แจ้งความเอาผิดฐานบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ม.54 ห้ามมิให้ผู้ใดยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ หรือกระทำการใดๆอันเป็นการทำให้ป่าเสื่อมโทรม มีโทษ จําคุก 1-20 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท ถ้าได้กระทําเกินเนื้อที่เกินกว่า 25 ไร่ จําคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาทถึง 2,000,000 บาท