News

หนุ่มคลั่ง ทำร้ายคนในครอบครัว พังรถหลายคัน ฟันตำรวจ-โชเฟอร์แท็กซี่

หนุ่มคลั่ง คว้ามีดไล่ทำร้ายคนในครอบครัว พังรถหลายคัน ขโมยกระบะซิ่งหนี จอดเสียใต้ทางด่วน ตำรวจสายตรวจเข้าไปช่วย ถูกฟันบาดเจ็บ โชเฟอร์แท็กซี่โดนด้วย

วันที่ 25 เม.ย.2567 พ.ต.ท.ประสงค์ อินเสมียน สารวัตร(สอบสวน) สภ.พระประแดง เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 22.30 น.ของวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจและโชเฟอร์แท็กซี่ถูกทำร้ายร่างกาย บริเวณใต้ทางด่วนกาญจนาภิเษก ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่สอนสมัครมูลนิธิปอเต็กตึ้ง

ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บล7113 ศรีสะเกษสภาพรถกระจกประตูข้างขวาตรงคนขับแตกและมีหยดเลือดบริเวณเบาะคนขับ แต่ไม่พบคนขับ ห่างไปประมาณประมาณ 500 เมตร พบเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นาย กำลังควบคุมตัว นายสมิง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี สภาพนอนอยู่ที่พื้น เอะอะโวยวายคล้ายคนหลอนยา ได้รับบาดเจ็บมีร่องรอยถูกอาวุธปืนยิงบริเวณต้นขาขวา 1 นัด

หนุ่มคลั่ง คว้ามีดไล่ทำร้ายคนในครอบครัว พังรถหลายคัน ขโมยกระบะซิ่งหนี จอดเสียใต้ทางด่วน ตำรวจสายตรวจเข้าไปช่วย
หนุ่มคลั่ง คว้ามีดไล่ทำร้ายคนในครอบครัว พังรถหลายคัน ขโมยกระบะซิ่งหนี จอดเสียใต้ทางด่วน ตำรวจสายตรวจเข้าไปช่วย

จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลบางจาก เพราะนายสมิงได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดสปาต้าปลายแหลมยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคนขับรถแท็กซี่จนบาดเจ็บ

จุดเกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย คือ ส.ต.ต.ฐิตพัฒน์ รวมพลังเอก อายุ 23 ปี ผบ.หมู่ (ป) สภ.พระประแดง บาดเจ็บถูกมีดแทงเข้าที่ราวนมข้างซ้าย ฝ่ามือทั้งสองข้างมีร่องรอยถลอก และหัวเข่าขวาที่ถูกมีดแทงจนขากางเกงขาดช้ำเป็นรอย

และอีกคนคือ นายวีระ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ บาดเจ็บถูกอาวุธมีดฟันที่แขนข้างซ้าย และพบรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน มช7726 กรุงเทพมหานคร สภาพจอดอยู่ข้างทางก่อนเข้าด่านเก็บเงินบางครุ2 สภาพรถเมล์เสียหายที่กระจกประตูข้างขวาตรงคนขับแตก

จากนั้นได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ส.ต.ต.ฐิตพัฒน์ กับ ส.ต.ต.เอกพล กิตติลาภ อายุ 24 ปี ผบ.หมู่(ป) สภ.พระประแดง รับแจ้งว่ามีเหตุขอความช่วยเหลือบริเวณจุดเกิดเหตุ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ จอดอยู่บริเวณใต้ทางด่วนกาญจนาภิเษก และพบนายสมิงดูมีอาการเอะอะโวยวาย

จึงเดินเข้าไปสอบถาม เห็นกระจกรถประตูข้างขวาตรงคนขับแตก และมีเลือดหยดตรงคนขับ ตำรวจจึงสอบถามว่าได้รับบาดเจ็บอะไรมา แต่นายสมิงขึ้นไปในรถ หยิบอาวุธมีดที่ก่อเหตุ ไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนตำรวจต้องวิ่งหนีจากที่รถกระบะจอด จนไปถึงทางแยกห่างกันประมาณ 200 เมตร

ตำรวจล้มลงจึงถูกนายสมิงใช้มีดแทงหลายครั้งจนบาดเจ็บ ตำรวจจึงยิงปืนขึ้นฟ้าจำนวน 1 นัด จากนั้นนายสมิงได้วิ่งหนีห่างไปประมาณ 300 เมตร บริเวณทางด่วนกาญจนาภิเษก ใกล้ถึงด่านเก็บเงินบางครุ 2 แล้วไปก่อเหตุทำร้ายคนขับแท็กซี่ที่มีผู้โดยสารอยู่ในรถ กำลังเข้าด่านเพื่อจะจ่ายเงิน จนคนขับแท็กซี่บาดเจ็บ

ทางตำรวจจึงตามเข้าไปช่วย และบอกให้หยุดแต่ไม่หยุด จึงได้ยิงปืนเพื่อสกัดกั้นจำนวน 2 นัด ถูกนายสมิงเข้าที่บริเวณเอวข้างขวาและต้นขาขวา 2 นัด จากนั้นตำรวจทั้ง 2 นายจึงขอกำลังเสริมและควบคุมตัวไว้ได้

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจค้นภายในรถและกระเป๋าสตางค์สีดำ ซึ่งมีเอกสารประจำตัวบัตรประชาชนชื่อ นายวินัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานกับผู้ก่อเหตุ มีอาชีพเป็นช่างอู่รถยนต์ แถวซอยบางบอน 5 แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร

เมื่อเวลา 21.30 น.ของวันที่ 24 เม.ย. นายสมิงได้ก่อเหตุพยามทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมงานและญาติที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันที่อู่จนทุกคนต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด จากนั้นได้ทำลายรถยนต์ที่จอดในอู่เสียหาย 3-4 คัน แล้วขับรถกระบะออกมาจากอู่และมาจอดเสียอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุในพื้นที่ สภ.พระประแดง

โดยนายวินัยเจ้าของรถ และญาติที่พยายามจะถูกทำร้าย ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.แสมดำ ขณะนี้ผู้ก่อเหตุได้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบางจาก โดยจัดเจ้าหน้าที่ไปเฝ้า เพราะอาการผู้ก่อเหตุเหมือนหลอนยาเสพติด

ล่าสุดจากการตรวจปัสสาวะพบมีสารเมทกับเฟตามีน(ยาบ้า)ภายในร่างกาย ตำรวจที่จับกุมจึงแจ้งข้อหานายสมิงพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ พยายามชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ

ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย พกพาวุฒิมีดไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุอันควร เสพสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ขณะขับรถ

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงนำของกลางอาวุธมีด ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถาม นายสมิง นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดและทรมาน กล่าวว่า ตนได้รับบาดเจ็บที่ขา เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิง โดยอ้างว่าตนป้องกันตัว แล้วบอกว่าตนไม่ได้กินเหล้า

ด้าน นายวีระ คนขับรถแท็กซี่ กล่าวว่า ตนบาดเจ็บที่แขนด้านซ้าย ถูกมีดฟัน จากชายคลุ้มคลั่งซึ่งเขาหนีตำรวจมา ตนจอดรถติดอยู่หน้าด่านทางด่วน เพื่อที่จะรับบัตรแต่ชายคนดังกล่าววิ่งมาและเคาะกระจก จึงลดกระจกลง จากนั้นผู้โดยสารเห็นจึงแจ้งกับตนว่าพี่ ๆ ให้รีบเอากระจกขึ้น เพราะผู้โดยสารเห็นมีด

นายวีระ กล่าวต่อว่า หลังจากปิดกระจกแล้วชายคนดังกล่าวได้เอามีดทุบกระจกแตก และสู้กันในรถแท็กซี่ แต่ตนพลาดท่าถูกชายคลุ้มคลั่งเอามีดแทงที่แขนข้างซ้ายบาดเจ็บ โดยตนหนีมาฝั่งเบาะคนนั่งแล้วแต่ไม่พ้น เขาได้ฟันหลายทีแต่โดน 1 ครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้ตนตกใจมาก ยอมรับว่าเสียเปรียบเพราะเขามีมีด และก็เป็นห่วงผู้โดยสารด้วย

ส่วน นายศุภโชค (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้โดยสารแท็กซี่ กล่าวว่า ตนนั่งรถแท็กซี่มาจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง กำลังจะกลับบ้าน ถึงจุดเกิดเหตุบริเวณใต้ทางด่วนกาญจนา เห็นผู้ก่อเหตุวิ่งมาจากไหนไม่รู้ซึ่งวิ่งมาทางรถแท็กซี่และพยายามคุยกับคนขับแท็กซี่ และให้ลดกระจกรถคุยกัน

นายศุภโชค กล่าวต่อว่า ตนสังเกตเห็นว่าผู้ก่อเหตุมีอาวุธ จึงบอกให้แท็กซี่ปิดกระจกรถ พร้อมบอกว่า ผู้ก่อเหตุมีอาวุธมาด้วย และผู้ก่อเหตุจึงใช้อาวุธฟันเข้ามาที่กระจกรถจนแตกและยื้อยุดอยู่กับคนขับแท็กซี่ ขณะนั้นมีตำรวจมาพอดีจึงมีการปะทะกันและตำรวจสามารถจับกุมตัวได้

ส.ต.ต.ฐิตพัฒน์ ตำรวจผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า รับแจ้งเหตุจึงรีบไปตรวจสอบ ถึงจุดเกิดเหตุก็ไปพบชายต้องสงสัยเดินอยู่รอบรถ จึงสงสัยว่าชายคนดังกล่าวอ้างว่ารถคันดังกล่าวเป็นของตนเอง แต่รถมีร่องรอยการถูกทุบกระจกและที่เบาะพบรอยเลือด จึงสอบถามผู้ต้องหาว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่

ส.ต.ต.ฐิตพัฒน์ กล่าวต่อว่า แต่เขาบอกว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ ถ้าพี่ไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วรอยเลือดมาจากไหน และในขณะเดียวกันตนยืนห่งกันเล็กน้อย ชายคนดังกล่าวได้คว้ามีดออกมาแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 ครั้ง จึงหันหลังและรีบวิ่งหนีเพื่อตั้งหลัก โชคดีที่ตนใส่เสื้อเกราะจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ

ส.ต.ต.ฐิตพัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นคนร้ายได้วิ่งไล่ตามคว้ามีดแทงอีกรอบ แต่ตนพลาดสะดุดล้มทำให้คนร้ายนำมีดมาแทงที่ขากางเกง ซึ่งตนมาด้วยกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 1 นาย หลังจากนั้นเป็นเหตุให้ตนต้องใช้ปืนยิงสกัด 1 นัด เพื่อเป็นการยิงขู่ โดยยิงลงที่พื้น จากนั้นชายคนดังกล่าวจึงได้วิ่งหลบหนี แล้วไปก่อเหตุกับรถแท็กซี่ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งไล่ติดตาม

ขณะที่ นายวินัย เพื่อนร่วมงาน กล่าวว่า เฒ่าแก่โทรมาบอกว่า ผู้ก่อเหตุป่วยอาเจียนเป็นเลือดออกมา ตนจึงไปดูอาการ เห็นเลือดออกมาจริง จึงไปหาเอายามาให้ และพยายามจะพาไปโรงพยาบาล ซึ่งตนให้น้องขึ้นไปดูอาการรอบแรกก็ไม่เป็นอะไร แต่พอขึ้นไปดูรอบ 2 จู่ ๆ ผู้ก่อเหตุใช้มีดฟันที่แขนของน้องได้รับบาดเจ็บ

นายวินัย กล่าวต่อว่า หลังจากฟันน้อง ผู้ก่อเหตุเกิดอาการคลุ้มคลั่งและทำลายทรัพย์สินซึ่งเป็นรถของลูกค้าที่นำมาทำสีรถจนเสียหายหลายคัน และยังมาทุบรถของตนจนพังเสียหายอีก ขณะนั้นผู้ก่อเหตุยังคงอาละวาดไล่ทำร้ายคนอื่น ทั้งครอบครัวตนพากันวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทางเลยเพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อน

นายวินัย กล่าวอีกว่า ผู้ก่อเหตุหลังอาละวาดเสร็จ จึงขโมยกุญแจรถตนและขับหนีออกมา ตนจึงพยายามไล่ตามแต่ไม่ทัน ผู้ก่อเหตุขับหนีไปไกลแล้ว ตนจึงเข้าแจ้งความ สภ.แสมดำ และได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.พระประแดง ว่าพบรถของตนโผล่ที่ใต้เลียบด่วนทุ่งครุ

นายวินัย กล่าวด้วยว่า ตนจึงเข้ามาดูและพบว่าเป็นรถตนจริง ๆ ผู้ก่อเหตุมีนิสัยชอบกินเหล้า และมีอาการคล้ายคนติดยาเสพติด ผู้ก่อเหตุเขาไม่มีครอบครัวแต่มีลูก 1 คน ไม่แน่ใจว่าได้แยกย้ายกับภรรยาหรือไม่ เขามาทำงานกับตนได้เพียง 3-4 ปี

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *