ถูกเรียกเงิน 1 หมื่น! หญิงคับแค้นใจ หลัง ตร.จับรถ ปีนเสาสูง 30 เมตร ผกก.พร้อมสอบ พบผิดไม่เอาไว้
ถูกเรียกเงิน 1 หมื่น! หญิงคับแค้นใจ ตร.จับรถ ปีนเสาสูง 30 เมตร ผกก.พร้อมสอบ พบผิดไม่เอาไว้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 10 พ.ค.67 ศูนย์วิทยุกู้ชีพ 1667 และกู้ภัยสว่างสระแก้ว ได้รับแจ้งว่า มีหญิงรายหนึ่ง ปีนขึ้นไปบนเสาส่งสัญญาณของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดสระแก้ว (สวท.สระแก้ว) เตรียมจะกระโดดลงมา เหตุเกิดพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสระแก้ว อ.เมือง จ.สระแก้ว
ขณะนั้น นายไพโรจน์ แก้วระวัง หัวหน้าช่าง สวท.สระแก้ว มาเห็นเข้า จึงแจ้งให้ น.ส.มุทิตา อิทธิผล ผอ.สวท.สระแก้ว ทราบ พร้อมแจ้งตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว ขณะเดียวกันสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว ได้ร้องขอชุดปฏิบัติการของศูนย์ ปภ.จังหวัดปราจีนบุรี มาช่วย เบื้องต้นทราบชื่อหญิงรายนี้คือ นางเอ (นามสมมติ) อายุ 55 ปี ชาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้ปีนเสาส่งสัญญาณขึ้นไปสูงประมาณเกือบ 30 เมตร และได้อยู่ที่บริเวณจุดพักของเสาสัญญาณเพราะปีนขึ้นต่อไปไม่ไหว
เวลาผ่านไปกว่า 2 ชม.ยังไม่สามารถที่จะนำตัวผู้ก่อเหตุลงมาได้ จึงได้ประสานไปยังรถเครนของมูลนิธิสว่างสระแก้ว เพื่อนำเครนยกกระเช้าขึ้นไปช่วยนำตัว นางเอ ลงมาด้านล่าง ท่ามกลางไทยมุงและประชาชนที่มาคอยลุ้นจำนวนหนึ่ง
ต่อมา นายเอกภพ โสภณ นายอำเภอเมืองสระแก้ว ได้เดินทางลงมาอำนวยการในการช่วยเหลือผู้ที่ก่อเหตุปีนเสาส่งสัญญาณด้วยตัวเอง ส่วน พ.ต.อ.สราวุธ เอี่ยมสำอางค์ ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.โกสละ งามผ่อง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองสระแก้ว ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือและสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งภายหลังนำเครนยกกระเช้าขึ้นไปจนสามารถนำตัว นางเอ ลงมาได้สำเร็จในช่วงเวลา 13.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้ขึ้นไปด้วย 1 คน เพื่อใช้สายล็อคตัวแล้วรถยกกระเช้า นำตัวลงมาด้านล่าง ก่อนจะนำตัวส่งไปที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
ส่วนสาเหตุทราบว่า โดนตำรวจจับรถ แล้วถูกปรับ 1 หมื่นบาท หลังเดินทางไปขอเงินคืนแต่ไม่ได้ เลยน้อยใจปีนเสาส่งสัญญาณดังกล่าว ขณะที่ พ.ต.อ.สราวุธ เปิดเผยว่า กรณีที่คนก่อเหตุอ้างว่า ถูกตำรวจเรียกรับเงินไป 1 หมื่นบาทนั้น ได้รับรายงานจากลูกน้องชุดสืบสวนที่เข้าไป เรายังไม่มั่นใจว่า มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็คงต้องตรวจสอบอีกสักระยะไม่เกิน 7 วัน หากพบตำรวจทำผิดก็ต้องลงโทษ ตนไม่เอาไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจ เพราะเหมือนเรายังไม่รู้ข้อเท็จจริง เป็นการพูดขึ้นมาฝ่ายเดียว เดี๋ยวต้องให้ทุกคนได้พูดทั้งหมด