News

อดีตแอดมินแฉเดือด ถูกน้องไนซ์ตี รีพอร์ตคู่ต่อสู้ พฤติกรรมเปลี่ยน ให้เทรดทองจนสูญเงินก้อนสุดท้าย

อดีตแอดมินแฉเดือด ถูกน้องไนซ์ตี รีพอร์ตคู่ต่อสู้ พฤติกรรมเปลี่ยน ให้เทรดทองจนสูญเงินก้อนสุดท้าย

ไม่จบง่ายๆ อดีตแอดมินแฉพฤติกรรมกลุ่ม “เชื่อมจิต” จากกรณีประเด็นของ อาจารย์น้องไนซ์ ที่อ้างว่าสามารถสอนธรรมะ และวิปัสสนากรรมฐานโดยการเชื่อมจิต จนกลายเป็นประเด็นที่คนในสังคมตั้งคำถามในหลายแง่มุมนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 20 พ.ค.67 อดีตแอดมินกลุ่มนิรมิตเทวาจุติ ออกมาแฉพฤติกรรมของน้องไนซ์ และครอบครัวของน้องไนซ์ โดย น.ส.เพลิน (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ตนชอบเรื่องการสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่แล้ว และมีโอกาสเห็นตอนน้องไนซ์สอนสมาธิวิปัสสนาในออนไลน์ จึงลองเข้าไปร่วมในกิจกรรมต่างๆ และมีกลุ่มไลน์โอเพ่นแชทตนก็มักจะปรึกษาปัญหาธรรมะแต่ก็ไม่ค่อยมีคนตอบ ด้วยความศรัทธาก็อยู่ไปเรื่อยๆ จนมีโอกาสได้เข้าไปเป็นแอดมิน

แต่กว่าจะได้เป็นแอดมินต้องใช้เวลาสร้างผลงานหลายเดือน โดยการโจมตีคู่ต่อสู้ คือคนที่เข้ามาคอมเมนต์หรือโจมตีน้องไนซ์ แม่ของน้องไนซ์ก็จะส่งลิงก์เข้ามาในกลุ่ม แล้วให้คนในกลุ่มไปโจมตีกลับ หรือบางครั้งก็ไปกดรายงาน จนใช้งานไม่ได้ แล้วแคปหลักฐานมาให้คุณแม่ดู ซึ่งตนก็ใช้ชื่อจริงในการไปด่า ไปโจมตี แล้วก็ได้ผลงานแล้วได้เป็นแอดมินต่อไป

โดยคนที่อยู่ในกลุ่มจะเชื่อมากๆ เวลาน้องสอนธรรมะ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่น้องพูด ปกติแอดมินจะอยากใกล้ชิดน้องมาก เวลาประชุม แต่แม่ก็ไล่น้องไปนอน ตั้งแต่แรกแม่เขามักจะเป็นคนควบคุม พ่อกับน้องพูดคุยให้คนฟังได้ใจ แต่สักพักหนึ่งก็มีเสียงแม่แทรกเข้ามาตัดบทหรือสรุปจบในสิ่งที่มันไม่น่าจะใช่

ตอนแรกตนก็เชื่อสุดหัวใจ รักมาก แต่ที่เดินออกมาเพราะเขาหลอกลวงเบียดเบียน ตนทำงานทุ่มเทกายใจยังโดนเขาจัดการอย่างเหี้ยมโหด ใส่ร้ายป้ายสี แบบนี้เรียกว่าปฏิบัติธรรมหรือ นี่หรือคนที่จะมาทำให้ถึงจุดหลุดพ้น คนเรารักษาศีล 5 ยังไม่ครบ เอาตัวเองให้รอดก่อน

ซึ่งช่วงแรกที่เข้าไปเป็นแอดมินเห็นว่าน้องไนซ์เป็นเด็กน่ารัก และตนก็รักและเอ็นดูน้องมาก แต่ช่วงหลังๆ พฤติกรรมน้องไนซ์เริ่มเปลี่ยนไป มีการใช้ความรุนแรงและใช้คำไม่สุภาพกับแอดมินมากขึ้น ทั้งใช้มีดดาบของเล่นที่เป็นพลาสติกตีตนหลายครั้ง และบางทีก็เอามาฟาดหัวแบบไม่รู้ตัว ซึ่งเจ็บมาก แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร

น้องมีพฤติกรรมที่ออกแนวรุนแรงก้าวร้าว เพราะเขาตีตนในห้องพักก็ตี คนอื่นก็ตี มีความเชื่อว่า เป็นการปัดเป่า แต่ตนเป็นคนปกติตีก็เจ็บไม่ได้ยอมนิ่งเฉย ตนมองว่ามันเป็นการเล่นที่รุนแรงจนไม่มีลิมิต เลยกลายเป็นภาพของเด็กที่ไม่มีการตักเตือนหรืออะไรทั้งสิ้น ก็ปล่อยให้เล่นจึงเพิ่มเลเวลในความรุนแรงไปเรื่อยๆ และส่วนใหญ่แม่เขาเห็นลูกทำแบบนั้นก็จูงมือเข้าห้องไปปรับทัศนคติ

น.ส.เพลิน เล่าอีกว่า ตนอยู่มาเกือบ 3 ปี เอะใจมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขายหนังสือ ขายเสื้อ ซึ่งจริงๆ แล้วมันมีตัวเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่มองผ่านเพราะศรัทธามาก เเละเขาก็ให้เหตุผลว่าเป็นกองทุนแอดมินและช่วยเหลือผู้ยากไร้ แต่ตนยังไม่เคยเห็นตัวเงิน

ที่ตนออกมาวันนี้ก็ออกมาปกป้องตัวเอง อยากมาแก้ต่างว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดใดใดทั้งสิ้น เพราะถ้าคุณจะทำอะไรจะดีจะเลวไม่เกี่ยวกับตน ตนจึงออกมาพูดวันนี้ ตอนที่ตนออกมาเขาก็ลบออกจากกลุ่มแล้วก็ไปพูดโน้มน้าวให้แอดมินคนอื่นบล็อกช่องทางการติดต่อของตน

ซึ่งการทำงานของตนไม่ได้เงินเดือนแถมเข้าเนื้อด้วย ทำด้วยความใจรักล้วนๆ แถมยังมีเรื่องของการเทรดทองเข้ามาด้วย ก็เลยสูญเสียเงินไปในตอนนั้น ซึ่งคุณแม่ก็เป็นคนบอกว่าเคยเล่นมาก่อนอยู่แล้ว ตอนแรกก็งงๆ ว่าทำไมถึงมีอะไรแบบนี้อยู่ในกลุ่มปฏิบัติธรรม แต่คิดในทางที่ดีเขาบอกว่าความปลอดภัยมันมีมากไม่น่าจะสูญเสียเยอะ

ตนก็มั่นใจมากเพราะเขารับรองว่าจะพาไปในทางที่เจริญรุ่งเรือง โดยน้องไนซ์เป็นคนเลือกโค้ชคนนี้ด้วยตัวเองว่าคนนี้ใช่ และจะนำพาเข้ามาช่วยคนในกลุ่ม บางคนก็มั่นใจมากบางคนก็ทุ่มเงินก้อนสุดท้าย

“ฝากถึงกลุ่มว่ากรรมใดใครก่อใครทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น ตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่ได้มาแฉแต่คุณเริ่มก่อนคุณก็ต้องได้รับกลับคืนไป คุณไม่ได้ดี100เปอร์เซ็นต์ คุณก็คือคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติธรรมที่แท้จริงฝากให้คิด” น.ส.เพลิน กล่าว

ขณะที่ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง บอกว่า ตนพยายามหาจุดเชื่อมโยงการฟอกเงิน ซึ่งเห็นว่า มีการสร้างกลุ่มขึ้นมาอีกกลุ่มนึงเปิดรับบริจาคเพื่อมาซื้อที่ดินของครอบครัว ซึ่งที่ดินกับราคาประเมินต่างกัน 30 เท่า จึงได้คุยกับนักกฎหมายว่าจะเกี่ยวกับการฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องตรวจสอบแล้วก็ไปดูอีกทีนึงว่ามีการฟอกเงินหรือไม่ และในเรื่องของธุรกิจของเขาสรรพากรก็ต้องตรวจสอบเหมือนกัน

อย่างเช่นเวลามีเงินเข้ามาหลักล้าน เงินก็จะหายไปทีละ 1-2 หมื่นบาท เขาอ้างว่านำไปซื้อที่ดิน ซึ่งที่ดินผืนนี้ขายไปแล้วไม่ตรงตามที่พูดก็มีกรณีแบบนี้ด้วย

ส่วนเรื่องพฤติกรรมที่มีความก้าวร้าวรุนแรงของเด็ก เขาคิดว่าการกระทำแบบนี้คือสิ่งที่ไม่ผิดเขาทำได้ มันเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะไม่มีใครตักเตือนเขาก็เลยเป็นแบบนี้ และหลายคนมองว่าเขาเป็นผู้วิเศษ ด้วยความเป็นมาที่เขาสร้างขึ้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเป็นเด็กทั่วไปได้ เพราะพ่อแม่กรอกหูทุกวันว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าต่างๆ นานา ณ ตอนนี้ตนมองว่า มีโอกาสปรับแก้พฤติกรรม มีโอกาสกลับมาได้ทัน แต่ถ้าปล่อยไว้อีก 1-2 ปีจะเป็นอันตรายต่อเด็กมากๆ

และในส่วนของคดีความทนายอนันตชัยตามเรื่องให้อยู่ตลอด และกำลังเข้าสู่กระบวนการ เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้ว ส่วนทางพม.ก็ยื่นศาลแล้วต้องรอศาลเรียกอีกที

นอกจากนี้ ล่าสุดมีคนติดต่อตนเข้ามาบอกว่า สามีเป็นแอดมินอยู่ในนั้น เขามีลูกที่ป่วยหนักเขาบอกว่าจะอยู่ในกลุ่มเพราะอยากให้ลูกดีขึ้น แต่ตอนนี้ไปอยู่ในกลุ่มดูแลลูกคนอื่น ตนอยากให้กลับมาดูแลลูกตัวเองไม่ใช่ดูแลลูกคนอื่น คุณทิ้งลูกไปดูแลลูกคนอื่น คุณเข้าไปอยู่ตรงนี้ไม่ดูแลลูกแล้วได้บุญตรงไหน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *