ปิดตำนานโฉนดถุงกล้วยแขก หลังไกล่เกลี่ยลงตัว พระพยอมแฮปปี้สู้คดีกว่า 20 ปี
ปิดตำนานโฉนดถุงกล้วยแขกวัดสวนแก้ว หลังทนายอนันตชัยยื่นมือช่วยไกล่เกลี่ย พระพยอมแฮปปี้เอนดิ้งหลังสู้คดีมานานกว่า 20 ปี
จากกรณีคดีโฉนดถุงกล้วยแขก แม้ในส่วนของคดีความจบลงไปนานแล้ว โดยมูลนิธิวัดสวนแก้วเป็นฝ่ายแพ้คดี หมดกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดินที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ทางวัดสวนแก้วต้องแพ้คดีให้กับทายาทเจ้าของที่ดิน และต้องชดใช้เงินค่าเสียหายอีกจำนวน 1.9 ล้านบาท
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 13 พ.ย.67 ที่ลานอนุสาวรีย์ถุงกล้วยแขก วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี พระราชธรรมนิเทศ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว พร้อมด้วย ทนายอนันตชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ทนายดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้แถลงข่าวปิดคดีข้อพิพาทที่ดินถุงกล้วยแขกของวัดสวนแก้ว
หลังพระพยอมได้ส่งเรื่องขอความช่วยเหลือเรื่องที่ดินแปลงดังกล่าวกับทนายอนันตชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม จนในที่สุดในวันนี้สามารถเจรจาไกล่เกลี่ย กับทางทายาทเจ้าของที่ดินได้สำเร็จ จึงได้ร่วมกันแถลงข่าว เรื่องการปิดตำนานโฉนดถุงกล้วยแขกของวัดสวนแก้วหลังสู้คดียืดยื้อมานานกว่า 20 ปี
โดยทนายอนันตชัย กล่าวว่า ตนในฐานะทีมทนายความที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากหลวงพ่อ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.67 ที่ผ่านมา โดยทางวัดต้องการให้ทางมูลนิธิกองทัพธรรมยื่นมือเข้ามาแก้ไข ปัญหาเรื่องโฉนดที่ดินถุงกล้วยแขก หลังมีข้อพิพาทมาเกือบ 20 ปี โดยตนคิดว่า การใช้พระเดชในเรื่องนี้ไม่สามารถใช้ได้ ต้องใช้พระคุณเพื่อแก้ปัญหา
ตนจึงได้ตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.67 เมื่อได้เข้ามาพูดคุยกับหลวงพ่อ เพื่อสืบหาเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมหลวงพ่อเก็บเงินซื้อที่ดินได้ 300 กว่าไร่ เพื่อทำสวนพฤกษศาสตร์ ตนรู้สึกว่าวัดทำเรื่องดี ไม่มีที่ไหนทำมาก่อน แต่ตนก็แปลกใจที่หลวงพ่อมานั่งเสียดายกับโฉนดที่ดินเลขที่ 55600 แค่เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 55 ตารางวา
จนตนเพิ่งมาทราบว่าเงินจำนวน 10 ล้านที่ซื้อที่ดินนั้น เป็นเงินจากพระเกจิผู้ใหญ่ จากทั่วประเทศกับประชาชนที่บริจาคมาให้เพื่อซื้อที่ดิน โดยหลวงพ่อต้องการปกป้องเงินของครูบาอาจารย์ ที่นำมาซื้อที่ดินแปลงนี้ ซึ่งก่อนซื้อทางหลวงพ่อก็ได้สอบถามทุกหน่วยงานเรียบร้อยแล้ว หลังนางวันทนายื่นฟ้องร้องปรปักษ์ จนได้ที่ดินผืนดังกล่าวมาครอบครอง ก่อนนำมาขายให้กับทางวัดเมื่อปี 2547
แต่ต่อมาถูกทางทายาทเจ้าของที่ดินร่วมกันฟ้องร้องขอเพิกถอน เพราะเป็นที่ดินมรดก จนชนะคดีในที่สุด ทำให้ทางวัดเสียที่ดินกลับคืนไป พร้อมกับเงินที่ทางวัดจ่ายไป
ทนายอนันตชัย กล่าวอีกว่า หลวงพ่อและเจ้าของที่ดินเป็นผู้สุจริตทั้งคู่ ต่อมาศาลพิพากษาให้ทางวัดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด และย้ายออกจากที่ดิน เมื่อปี 2565 ที่ดินนี้ต่อสู้กันมายาวนาน 18 ปี เมื่อตนลงมาตรวจสอบแล้ว จึงได้เสนอให้เจรจาไกล่เกลี่ย โดยตนเป็นตัวแทนเจรจา ซึ่งตนได้ไปคุยกับเจ้าของที่ดิน ตระกูลหิรัญประดิษฐ์ ทุกอย่างจบกันด้วยดีในวันนี้
ตนจึงเสนอให้หลวงพ่อแถลงข่าวปิดดตำนานอนุสาวรีย์ถุงกล้วยแขกในวันนี้ โดยเตรียมรื้อออกอนุสาวรีย์ดังกล่าวออกทั้งหมด ปัจจุบันทางวัดยังต้องผ่อนชำระเงิน เพื่อชดใช้ให้กับเจ้าของที่เป็นเงิน 1.9 ล้านบาท ตนจึงได้เสนอให้ทางวัดตั้งกองผ้าป่า เพื่อปลดล็อคซื้อที่ดินวัดสวนแก้วไปจ่ายชำระให้กับคู่กรณี เพื่อให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี
โดยทางวัดจะตั้งเป็นกองผ้าป่าเปิดรับบริจาคเพื่อนำเงินมาชำระค่าเสียหาย ให้กับเจ้าของที่ดินต่อไป ซึ่งตนหวังว่าการปิดตำนานจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย และทางวัดก็จะได้ซื้อที่ดินแปลงนี้กลับคืนมาเพราะเงินของครูบาอาจารย์ที่ได้นำมาใช้ซื้อที่ดินไปหมดแล้ว
พระราชธรรมนิเทศ กล่าวว่า คดีโฉนดถุงกล้วยแขกยาวนานมาถึงเกือบ 20 ปี วันนี้เป็นวันปิดตำนานโฉนดถุงกล้วยแขกวัดสวนแก้ว โดยมีทนายอนันตชัย เข้ามาช่วยจนเรื่องจบสิ้น ทางวัดจะได้แกะโซ่ที่ล่ามที่ดินแปลงนี้เสียที วันนี้ถือเป็นวันที่มีข่าวที่เป็นมงคล น่าปลื้มใจ ทางกรมที่ดินก็คงจะปลื้มใจหลังวัดปลดล็อคเรื่องที่ดินได้สำเร็จ
ทางทายาทตระกูลหิรัญประดิษฐ์ ก็จะได้หมดเรื่องแคลงใจกับทางวัด สบายใจขึ้นทุกฝ่าย โดยทางวัดเตรียมนำกระเช้า ไปให้ทางทายาท ที่ยอมผ่อนปรนเรื่องนี้ให้จบลงด้วยดี สุดท้ายนี้ทางวัดได้มีทนายมาเป็นที่พึ่งให้กับวัดและศาสนา เรื่องนี้จบลงด้วยดีไม่มีคำว่าเจ็บใจกันอีกต่อไป
ทั้งนี้ทางวัดสวนแก้ว ไม่มีเงินเพื่อจะชำระหนี้ดังกล่าว จึงได้ตั้งกองผ้าป่าปลดล็อคแผ่นดิน วัดสวนแก้ว เปิดบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาบางบัวทอง เลขที่ 121-1-18038-7 พุทธศาสนิกชนที่ต้องการบริจาคเพื่อช่วยเหลือวัดสวนแก้ว สามารถร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยทางวัดจะนำเงินไปใช้หนี้ให้กับเจ้าของที่ดินตามคำสั่งศาล